วันนี้เราจะมารีวิวหนังเรื่อง Kesari ซึ่งเป็นภาพยนตร์ในปี 2019 ที่สร้างมาจากเรื่องจริงของการต่อสู่ของทหารชาวซิกข์จำนวน 21 นาย และ ชาวอัฟกันจำนวน 10,000 คน
อ่านเพิ่มเติมที่: การต่อสู้แห่งซาราการี (The Battle of Saragarhi)
ถึงหนังจะออกมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นหนังที่คนยังออกปากชมไม่หยุดและเป็นหนังทำเนื้อเรื่องออกมาได้ดีเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเข้าสู่พาร์ทเนื้อเรื่อง และ รีวิวกันเลยดีกว่า
รีวิวเนื้อเรื่อง
โดยเนื้อเรื่องของหนังเรื่อง Kesari จะเป็นเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับ อิชาร์ เขาเป็นส่วนหนึ่งของทหารซิกข์ ของกองทัพอังกฤษอินเดีย ซึ่งเขาก็ได้ประจำการอยู่ที่ป้อมกูลิสตาน ที่อยู่ตามแนวการปกครองของอังกฤษ และ ชายแดนอัฟกัน วันนึงอิชาร์ ได้ออกไปตระเวนตามเขตชายแดน และก็ได้กลับเข้าป้อมตามปกติ แต่เขาก็เห็นกลุ่มคนชาวอัฟกันที่กำลังจะสังหารหญิงสาวคนนึง ที่หนีออกมาจากสามี เนื่องจากเธอโดนบังคับให้แต่งงาน อิชาร์ทนไม่ได้ แต่หัวหน้าของเขาที่เป็นชาวอังกฤษไม่ให้เขาได้ไปช่วย เพราะอาจจะไม่ดีต่อตัวกองกำลัง ซึ่ง อิชาร์ ก็ไม่ได้สนใจ เขาเข้าไปปช่วยเหลือหญิงสาวคนนั้นทันที โดยการฆ่าสามีของเธอ

เมื่อกลับฐานหัวหน้าชาวอังกฤษก็ได้รายงานกับผู้บังคับบัญชาว่า อิชาร์ นั้นไม่เชื่อฟัง แต่ในขณะเดียวกันนั้นชาวอัฟกันก็ได้มาบุกโจมตีป้อม Gulistan ที่โดนควบคุมโดยอังกฤษ ซึ่งเมื่อ อิชาร์ รู้จึงรีบไปที่ป้อม และเข้าไปต่อสู้อบ่างกล้าหาญ ทำให้ชาวอัฟกันเข้ามาโจมตีไม่สำเร็จ หลังจากนั้น อิชาร์ ก็ได้โดยต้องโทษที่จัดคำสั่ง เขาโดนย้ายไปเฝ้าป้อม Saragarhi ที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างป้อม Lock Hart และป้อม Guilistan ซึ่งเมื่อเขาไปถึงเขาก็รู้ว่ากำลังทหารที่นั่นขาดระเบียบ และโดนต้องโทษให้อดอาหาร เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งเวลาก็ผ่านมาแล้ว 2 วัน ไม่มีใครได้กินข้าวเลย อิชาร์ เห็นเช่นนั้นเลยสั่งให้พ่อครัวเข้าไปทำอาหาร ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็ไม่ได้ทานอะไรมา 2 วันเช่นกัน เพราะไม่อยากเอาเปรียบทหารทั้ง 20 คน เมื่อทุกคนรู้ความจริงว่า อิชาร์นั้นก็ไม่ได้ ทานอาหารเช่นกัน และยังสั่งการให้พ่อครัวทำอาการให้อีก ทุกคนจึงเคารพในตัว อิชาร์ มาก ๆ
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งอัฟกันก็รวมกองกำลังกว่า 10,000 คนเพื่อที่จพมายึดป้อมปราการทั้ง 3 ของฝั่งอังกฤาที่ปกครองอยู่ ซึ่งพวกอัฟกันจะเข้ามายึดที่ Saragarhi เป็นที่แรก และจะยึดอีก 2 ที่ต่อ ๆ ไป และเมื่อเรื่องนี้ถึงหูของผู้บังคับบัญชาฝั่งอังกฤษ เขาก็ได้รีบส่งสารไปเตือน อิชาร์ ว่ากำลังจะเกิดศึกใหญ่ และเขาก็ไม่สามารถส่งกองกำลังมาช่วยได้ เนื่องจากฝั่งเขาก็โดนอัฟกันบางส่วนดักไว้ และกองกำลังเสริมจะมาถึงในวันพรุ่งนี้

อิชาร์ เมื่อได้รับสาร ก็เรียกทหารทั้ง 20 คน มาเพื่อประชุม อิชาร์ ได้บอกว่า ผู้บังคับบัญชา มีคำสั่งให้ทิ้งป้อมไปเลย และอยากให้ทหารทั้ง 20 คนนั้นกลับไปหาครอบครัว แต่ทหารทั้ง 20 คนก็เห็นด้วย เขาพร้อมที่จะปกป้องป้อมแห่งนี้ ไม่ว่าจะแลกมาด้วยอะไรก็ตาม หลังจากนั้น อิชาร์ เลยให้ทุกคนไปเตรียมตัว แต่ก็มีทหารนายนึงเดิน ซึ่งเป็นคนที่เอาสามารมาส่งให้ เข้าไปคุยกับ อิชาร์ ว่าทำไมถึงบอกไปแบบนั้น ในเมื่อผู้บังคับบัญชาไม่ได้บอกให้หารสละป้อม อิชาร์ ตอบกลับไปว่า เพราะเขารู้ดีว่าการรบครั้งนี้ไม่อาจจะรอดชีวิตกลับไปอย่างแน่อน และทุกคนก็รู้ดี เขาไม่อยากให้ทุกคนรับในฐานะทาสของอังกฤษ แต่อยากให้ทุกคนรบเพื่อความสมัครใจ
และหลังจากนั้นไม่นานอัฟกันก็ได้เข้ามาบุกป้อม ทุกคนต่อสู้อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะรู้ดีว่าคงไม่มีทางได้กลับไปหาครอบครัวแล้ว ทุกคนใช้ปืนยิงสกัด แต่ก็แน่นอนว่าไม่สามารถต้านทานกองกำลังกว่าหมื่นคนได้ บางคนยอมเสียสละระเบิดตัวะอง เพื่อฆ่าฝั่งตรงข้าม บางคนก็สู้จนวินาทีสุดท้าย จนคนที่เหลือทยอย ๆ ตายกันไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็เหลือ อิชาร์ และ ทหารอีกหนึ่งนายที่หนีขั้นไปบนป้อม อิชาร์ ที่วิ่งออกไปช่วยทหารขอตน ก็ได้ถูกยิงจนบาดเจ็บสาหัส และก็โดนฆ่าตายในที่สุด ทหารอีกคนนึงใช้กำลังเฮือกสุดท้ายออกมาต่อสู้ชาวอัฟกัน ทั้ง ๆ ที่ตนเองโดนไฟไหม้ทั้งตัว เขาชิงระเบิดมา และฆ่าตัวตายไปพร้อม ๆ กับศัตรู ทุกเหตุการณ์ที่เสียสละ ฝั่งผู้บังคับบัญชาเห็นหมดจากการส่องกล่องคอยดูอยู่ห่าง ๆ เขาซึ้งใจและเคารพในความกล้าหาญของทหารทั้ง 21 คน
สุดท้ายชาวอัฟกันก็ต้องยกกองกำลังกลับไปคนเหลือน้อยกว่าที่คิด และคงไปยึดป้อมอื่น ๆ ไม่ทันแล้ว ฝั่งอังกฤษได้ทราบเหตุการณ์ทั้งหมด และรับรู้ถึงการเสียก็ได้ทำแผ่นจารึกเพื่อเป็นเกียรติให้เหล่าทหาร และสร้างโบสถ์ซิกข์ขึ้นมา และยังไว้อาลัยให้กับกลุ่มฮีโร่ที่เสียสละตนเองเพื่อปกป้องบ้านเมืองของตนเองอีกด้วย
The Review
Kesari (2019)
รู้สึกว่าเป็นหนังที่ดีมากเรื่องนึง อาจจะเพราะสร้างมาจากเรื่องจริงด้วย ภาพ เสียง และ โปรดักชั่นถือว่าทำมาดีมากเลยทีเดียว ในส่วนของเนื้อเรื่อง ดำเนินเรื่องได้ดีมาก อาจจะอืด ๆ บ้างบางช่วง แต่ก็ไม่ได้ดูน่าเบื่อเลย ทุกเหตุการณ์น่าติดตาม และทำให้รู้สึกอิน ในช่วงท้ายใครที่บ่อน้ำตาตื้นเราบอกเลยว่ามีร้องไห้ออกมาแน่นอน เพราะซึ้งลำกินใจมากกับการเสียละของทหารทั้ง 21 คน โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว ใครที่ชอบหนังแนวสงคราม และมีดราม่าเล็กน้อย หนังเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์เลยทีเดียว