วันนี้เราจะมาฉลองให้กับการครบรอบ 124 ปี ของการต่อสู่ของ Saragarhi ซึ่งเป็นหนึ่งในการต่อสู้สุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยมีการต่อสู้กันมา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2440 ทหารของซิกข์ จำนวน 21 คน ที่เป็นของกองทัพอังกฤษอินเดีย และชาวอัฟกันจำนวน 10,000 คนที่อาศัยในหุบเขา Samana ของ Khyber จังหวัด Pakhtunwa ใน ปากีสถาน ตอนนั้นพื้นที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย ในการต่อสู้ครั้งนี้ทหารทั้ง 21 นาย ต่อสู้กับอัฟกันอย่างสุดกำลังจนลมหายใจสุดท้ายของพวกเขา ด้วยความกล้าหาญ แบบไม่เคยมีมาก่อน เพื่อชัยชนะ พวกเขาก็ได้เสียสละตัวเอง และพวกเขานี่แหละคือฮีโร่ที่แท้จริง และได้กลายเป็นตำนานของ Saragarhi ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
รู้หรือไม่? เรื่องราวการต่อสู้แห่ง ซาราการีนั้น โด่งดังจนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์เรื่องดังอย่าง Kesari (2019) อีกด้วยนะ
Saragarhi คือที่ไหน ?
Saragarhi เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในเขต Kohat บนเทือกเขา Samana ( ที่ปัจจุบันนี้เป็นปากีสถาน ) ชาวอังกฤษได้เข้ามาควบคุมในภาคส่วนของ Khyber Pakhtunwa ถึงแม้จะมีแนวโน้มที่จะโดนโจมตีจาก Pashtuns ( กลุ่มกบฏ ) Saragarhi ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการสื่อสารระหว่าง Fort Lockhart และ Fort Gullistan ซึ่งทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของกองทัพบริทิชอินเดีย ในส่วนของตะวันออกฉียงเหนือ เนื่องจากทั้ง 2 ป้อมนี้ไม่ถูกกัน แม้จะมีระยะห่างกันเพียงแค่ 3 ไมล์ เท่านั้น

ฉากสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ !
เรียกได้ว่าคนที่มีความหลงใหลในภาพยนตร์ชื่อดังอย่างเรื่อง Kesari จะยิ่งประทับใจกับกลุ่มทหาร 21 คน ที่เข้าไปรบในเมือง Saragarhi มากขึ้นไปอีก ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม ถึงวันที่ 11 กันยายน 2440 ชาว Pashtuns พยายามที่จะโจมตีฐานของอังกฤษ แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะว่ากองทหารของซิกข์ ได้เข้ามาขัดขวางเอาไว้ก่อนภายใต้คำสั่งของ พลเอก Haughton และหลังจากนั้น Saragarhi และ Fort Lockhart ก็ได้ติดต่อกันผ่าน Hliograph และในวันที่ 12 กันยายน 2440 ชาว Pashtuns จำนวน 10,000 คน ก็ได้เข้าโจมตี Saragarhi เพื่อที่จะทำลายการสื่อสารระหว่าง 2 ป้อมนั่นเอง
การต่อสู้ของ Saragarhi ก็ถือว่าเป็นจุดยืนสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทหารซิกข์ 21 นาย จาก 36 นาย ได้เข้าต่อสู้กับกองทัพชาวอัฟกันกว่า 10,000 คน และได้สังหารชาวอัฟกันมากกว่า 600 คน ก่อนที่พวกเขาจะต้องจบชีวิตด้วยกระสุนของศัตรูที่เช้าไปรบด้วย Ishar Singh ผู้นำกองทหารซิกข์ ได้สังหารศัตรูไปมากถึง 20 คนในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้อีกด้วย

การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นมหากาพย์ เพราะว่าทหารทั้ง 21 คนนั้นเสียสละชีวิตเพื่อประเทศของพวกดขา และต้านกองกำลังกว่า 10,000 คนได้ตลอดการรบในครั้งนี้ จนถึงเฮือกสุดท้ายของพวกเขาและกำลังเสริมก็มาถึงพอดี ความพยายามของพวกดขาไม่เคยถูกละเลย และเมื่อการรบจบลง ข่าวที่ออกมาก็ได้รับการยอมรับและสรรเสริญจากรัฐสภาอังกฤษ ในลอนดอนทั้งนี้ได้มีการสลักชื่อของทหารทั้ง 21 คนใส่แผ่นจารึกเอาไว้เพื่อรำลึกถึงความพยายามของพวกเขานั่นเอง ซึ่งภายในแผ่นจารึกนี้ก็ได้มีใจความว่า
“ รัฐบาลอินเดียได้จัดทำแผ่นจารึกนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึกแก่นายทหารชั้นสัญญาบัตรทั้ง 21 นาย จากกรมทหาซิกข์ที่ 36 กรมทหารราบเบงกอล ซึ่งได้สลักชื่อเอาไว้ด้านล้างเพื่อบันทึกไว้ตลาดกาล และกล่าวถึงความกล้าหาญของนายทหารที่เสียชีวิตในหน้าที่ ในการต่อสู้เพื่อฟ้องกันป้อม Saragarhi ในวันที่ 12 กันยายน 2440 ทั้งหมดได้ต่อสู่กับศัตรูจำนวนมหาศาล จึงพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาจงรักภักดีต่อจักรพรรดีราชินีแห่งอินเดีย และคงไว้ซึ่งชื่อเสียงของชาวซิกข์ที่ไม่เคยลดละ และมีความกล้าหาญอย่างมากในสนามรบ ”
การได้รับรางวัล
หลังการสู้รบจบ พลเอก Haughton ได้บรรยายเรื่องราวอันบีบคั้นหัวใจเป็นอย่างมากของการสู้รบกับการสู้รบกับมือปืนระดับแนวหน้า ด้วยเหตุนี้ทหารทั้ง 21 นายจึงได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นที่ 3 อันทรงเกียร์ติของอินเดีย และเป็นครั้งแรกเลยที่ทหารทั้งหน่วยได้รับรางวัลความกล้าหาญในการต่อสู้เพียงครั้งเดียว
การรำลึก
Khalsa Bahadur เป็นบทกวีมหากาพย์ที่เขียนโดย Chuhar Singh เขาได้บรรยายถึงความกล้าหาญและการเสียสละของมหารซิกข์ในการสู้รบที่ Saragarhi และบทกวีนี้มีความยาวถึง 55 หน้า และเป็นภาษาปัญจาบอีกด้วย เพื่อรำลึกถึงทหารทั้ง 21 นาย ก็ได้มีการสร้าง กูร์ดวาราสองที่ แห่งนึงอยู่ในเมืองอมฤตสาร์ใกล้กับวัดทอง และอีกแห่งหนึ่งอยู่ในเขตปกครองเฟโรเซปูร์ ซึ่งก็อยู่ในเขตที่คนในเมืองนั่นยกย่องพวกเขาอีกด้วย
แม้กระทั่งวันนี้ วันที่ 12 กันยายน ก็ยังคงเป็นวันของ Saragarhi อยู่ เพื่อเป็นเกียรติแก่การเสียสละของทหารผู้กล้าหาญทั้ง 21 นาย และถือเป็นวันรำลึกถึงทหาซิกข์ พร้อมกับ 3 กูร์ดวารา ที่ตั้งอยู่ใน Saragarhi , Ferozpur และ Amritsar ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการเสียสละของพวกเขาอีกด้วย